เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่เคยฟังเพลงสากลผ่าน ๆ ต้องรู้จักเธอคนนี้ไม่มากก็น้อยกับ Rihanna หรือ ริฮานน่า สาวผู้เปรียบเสมือนแฟชันไอค่อนคนหนึ่งของโลก ด้วยใบหน้าสวยโฉบเฉี่ยวที่มาพร้อมกับเสียงอันเป็นเอกลักษณ์
ตัวเธอนั้นประสบความสำเร็จด้านงานเพลงอย่างมากในฐานะนักร้อง ด้วยการมีเพลงขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ตบิลบอร์ด ซึ่งเป็นชาร์จเพลงที่ทรงอิทธิพลที่สุดในอเมริกามากถึง 13 เพลง ยังไม่เพียงแค่นั้น เธอยังได้รับรางวัล Grammy Awards ที่เป็นหนึ่งในรางวัลที่ยอดเยี่ยมที่สุดทางสาขางานเพลงถึง 9 รางวัล สิริรวมยอดขายอัลบั้มของเธอมีมากกว่า 33 ล้านแผ่น กับยอดขายซิงเกิ้ลอีกกว่า 250 ล้านดาวน์โหลด เรียกได้ว่าเส้นทางอาชีพนักร้องของเธอนั้นอยู่บนจุดแทบจะสูงสุดของระดับสากลโลกแล้ว
เธอมีแบรนด์เครื่องสำอางชื่อดังที่ทุกคนน่าจะคุ้นหูกันดีหากไปเดินตาม Sephora นั่นคือ Fenty Beauty ของเธอนั่นเอง ซึ่งเป็นเครื่องสำอางที่เธอออกแบบเพื่อให้ใช้ได้สำหรับผู้หญิงทุกคน ด้วยแคมเปญ Beauty for All และที่เธอตั้งชื่อ Fenty Beauty เพราะเธอต้องการให้ชื่อ Rihanna อยู่ในวงการเพลง ในขณะที่อีกชื่อหนึ่งของเธออยู่ในวงการเครื่องสำอางนี้ มาจากชื่อเต็มของเธอคือ Robyn Rihanna Fenty
ผลิตภัณฑ์แรกของแบรนด์ Fenty Beauty นั้นวางจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 8 กันยายน 2017 โดยวางจำหน่ายที่ร้าน Sephora ในสหรัฐอเมริกา ทั้งหน้าร้าน บนเว็บไซต์ของทาง Sephora และทาง Fenty Beauty เองด้วย ในขณะที่อังกฤษวางขายในร้าน Harvey Nichols เท่านั้น ซึ่งปัจจุบันเองทางแบรนด์ก็ได้มีการวางขายไปแล้วกว่า 17 ประเทศทั่วโลกกับร้านค้ากว่า 1620 แห่ง !
แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ…รายได้ส่วนใหญ่ของเธอไม่ได้มาจากการร้องเพลง แต่มาจากการขายเครื่องสำอางของเธอ
ล่าสุด จากการรายงานของ Forbes พบว่า ทรัพย์สินของ (อดีต) นักร้องสาวนั้นมีราว ๆ 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือตีเป็นเงินไทยคือกว่า 5.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งทรัพย์สินส่วนใหญ่ของเธอนั้นมาจากการขายเครื่องสำอางแบรนด์ Fenty Beauty ถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐที่ตัวเธอมีหุ้นในครอบครองมากกว่า 50% ในขณะที่รายได้ที่เหลือเป็นรายได้จากงานเพลง งานแสดง และคอลเลคชันแบรนด์อื่น ๆ นอกจากแบรนด์ Fenty Beauty นั่นเอง ซึ่งหากถามว่าทำไมผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง Fenty Beauty นั้นจึงประสบความสำเร็จแล้วล่ะก็…
เพราะรองพื้นหรือเครื่องสำอางของเธอนั้นเข้าถึงได้กับทุกคน ทุกสีผิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงผิวสี จากเว็บไซต์ jilt พบว่าผู้หญิงผิวสีชาวอเมริกันนั้นคิดเป็น 85% ของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทั้งหมดของสหรัฐ ซึ่งทาง Fenty Beauty เองก็ได้เล็งเห็นจุดนี้จึงทำให้ยอดขายพุ่งอย่างก้าวกระโดด นอกจากนี้ Campaign ของ Fenty Beauty นั้น ทุกอย่างจะแสดงให้เห็นถึงผิวทั้งหมด 12 แบบ ทำให้ไม่ว่าจะสีผิวแบบไหนก็สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ได้ ไม่จำกัด ด้วยรองพื้นที่มีเฉดสีให้เลือกมากกว่า 40 แบบ นอกจากนั้น เรื่องราคาก็เป็นตัวหลักสำคัญ แม้ Fenty Beauty จะจัดเป็นแบรนด์ชั้นนำ แต่ราคากลับถูกกว่าแบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ เล็กน้อย แต่มีเฉดสีให้เลือกหลากหลาย บวกกับตัวเจ้าของแบรนด์อย่าง Rihanna ที่สวยระดับนั้นแล้ว จึงสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์และดึงดูดคนให้เข้ามาซื้อได้อย่างไม่ยากเย็น
แม้ว่าตอนนี้เธอจะพักอาชีพนักร้องไว้ชั่วคราวและกลายเป็นแม่ค้าไปแล้วก็ตาม แต่แฟน ๆ ก็คาดหวังจะได้เห็นงานเพลงเธออีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เธอเองก็อาจจะยังไม่ได้ละทิ้งอาชีพนักร้องซะทีเดียว เพราะมีภาพเธอปรากฏอยู่ตามสตูดิโอบ่อย ๆ ซึ่งแฟน ๆ ก็ไม่รู้ว่าเป็นการถ่ายทำ MV เพลงหรือถ่ายโฆษณา Fenty Beauty กันแน่ ซึ่งพวกเราก็ภาวนาให้เป็นอย่างแรก จะได้เห็นแม่ค้าสาวผันตัวกลับมาเป็นนักร้องสักที
ขอขอบคุณที่มาจากเว็บไซต์ : forbes, wikipedia, และ jilt ด้วยครับ
