อายุไม่สำคัญ แต่มันอยู่ที่ไอเดียและความกล้า ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไร แต่ถ้าคุณมีไอเดีย และความกล้าที่อยากจะเริ่มธุรกิจแล้ว อะไรก็หยุดคุณไม่ได้ เหมือนที่เธอ Mikaila Ulmer ที่อายุสำหรับเธอเป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น พ่อกับแม่ของเธออยากให้เธอทำธุรกิจตั้งแต่เด็ก จึงผลักดันให้เธอเข้าร่วมแข่งขันนักธุรกิจจิ๋ว ทำให้เธอต้องคิดค้นผลิตภัณฑ์ไปนำเสนอ
แต่เชื่อหรือไม่ครับ ระหว่างกำลังคิดงานอยู่ เธอโดนผึ้งต่อย และไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่เป็นสองครั้งด้วยกัน ทำเอาเธอเป็นโรคกลัวผึ้งไปพักหนึ่ง ทางคุณหมอที่บำบัดความกลัวจึงแนะนำให้เธอศึกษาเกี่ยวกับผึ้งดู เป็นเทคนิคอีกอย่างที่ใช้บำบัดความกลัว คือการเอาตัวไปอยู่กับมัน
และไม่น่าเชื่อครับ มันได้ผล เธอเริ่มหลงรักพวกมัน และศึกษาไปเรื่อย ๆ จนพบว่าผึ้งบนโลกแทบจะสูญพันธ์ไปแล้ว 40% ทำให้เธออยากจะสนับสนุนพวกผึ้งเหล่านี้ จึงตั้งใจว่าจะก่อตั้งธุรกิจและนำรายได้เพื่อแบ่งปัน ช่วยเหลือพวกผึ้งให้มีจำนวนมากขึ้นมากที่สุดเท่าที่ทำได้ ธุรกิจของเธอจึงเริ่มในปี 2009 ออกมายืนขายน้ำมะนาวทำเองหน้าบ้าน โดยใช้สูตรคุณย่าสมัยปี 1940 ซึ่งมีจุดเด่นคือผสมน้ำผึ้ง ไม่ใช้น้ำตาลและสารสร้างความหวาน โดยน้ำผึ้งก็หาซื้อจากคนแถวบ้าน
แถวบ้านเริ่มขายดี มีรสชาติหลากหลายให้เลือกสรร และยิ่งไปกว่านั้น วัตถุดิบของเธอนั้นคั้นสดพร้อมกับส่วนผสมของน้ำผึ้งดอกไม้ป่าเท็กซัส เมล็ดแฟลกซ์และมิ้นต์ ซึ่งเธอก็ตั้งร้านขายอยู่ ราว ๆ 3 ปี ร้านพิซซ่าแถวบ้านสนใจ เพราะชอบที่เธอผลิตน้ำมะนาวจากธรรมชาติจริง ๆ ไม่สังเคราะห์เหมือนเจ้าอื่น ๆ เลยบอกว่าจะรับฝากน้ำมะนาวของเธอไว้ แต่ให้เปลี่ยนจากแก้วมาบรรจุขวดแทน
พอทำไปสักพัก ยอดเริ่มต้องส่งมากขึ้น จะมานั่งทำแบบเดิมก็คงยากเกินไป เธอต้องการเงินทุน ทำให้เธอเข้าร่วมรายการ Shark Tank รายการที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจมานำเสนอโมเดลธุรกิจต่อคณะกรรมการ ซึ่งกรรมการก็ชอบจนเสนอเงินให้เธอกว่า 60000 ดอลลาร์ หรือราว ๆ เกือบสองล้านบาท
ในปี 2017 จัดเป็นจุดพีคของธุรกิจเธอเลยก็ว่าได้ เพราะมีบริษัท Whole Food หนึ่งในบริษัทค่าส่งที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยากได้น้ำมะนาวของเธอไปวางขาย โดยน้ำมะนาวของเธอนั้นถูกวางขายกว่า 500 ร้านค้าทั่วสหรัฐ และขายได้ราว ๆ 5 แสนขวดต่อปี เพราะเธอได้รับเงินลงทุนเพิ่มเติมจากสโมสรกีฬาแห่งหนึ่งอีกกว่า 24 ล้านบาท ทำให้เธอได้มีโอกาสขยับขยายน้ำมะนาวของเธอส่งไปยังร้านค้าทั่วประเทศ
และในปีทีผ่านมา จากวางจำหน่ายเพียง 500 ร้านค้าทั่วสหรัฐ ก็เริ่มส่งออกนอกประเทศบ้าง ทำให้จำนวนร้านค้าที่วางจำหน่ายก็ขยับขึ้นมาเป็น 1500 ร้านค้าทั่วโลก และตอนนี้ เธอก็วางแผนที่จะทำผลิตภัณฑ์อื่นที่ผลิตมาจากผึ้ง นอกจากน้ำผึ้ง โดยตั้งใจว่าจะผลิตลิปมันที่ทำมาจากขี้ผึ้งนั่นเอง
จากความสำเร็จของเธอ ทำให้เธอได้มีโอกาสไปเยือนทำเนียบขาวและได้เจอกับประธานาบดี บารัค โอบาม่าถึงสองครั้ง มีการคาดการณ์ว่าเธอมีรายได้ราว ๆ 35 ล้านถึง 100 ล้านบาทเลยทีเดียว! จากเด็กสาวผู้กลัวผึ้ง สู่เจ้าของธุรกิจที่มีผึ้งเป็นหลัก นี่อาจเป็นหนึ่งในคุณสมบัติของนักธุรกิจที่ดีก็ได้ครับ คือ การเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส เราเชื่อว่าทุกวิกฤตนั้น หากมองดี ๆ แล้ว จะยังมีโอกาสที่พอให้ธุรกิจของท่านผู้ชมเดินหน้าต่อไปได้ครับ