เบนกับเจอรี่ ทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก หลังเรียนจบมหาวิทยาลัย ทั้งคู่อยากสร้างธุรกิจของตัวเองขึ้นมา โดยอยากเริ่มเปิดร้าน bagel shop ร้านขนมปังชนิดหนึ่ง แต่ของแพงเกินไป เลยตัดสินใจไปเรียนทำไอศกรีม โดยไปเข้าคอร์สเรียนทำไอศกรีมที่มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ด้วยเงินราว ๆ 5 ดอลลาร์ หรือราว ๆ 175 บาท
หลังเรียนเสร็จ ทั้งคู่ก็ตัดสินใจเปิดร้านที่ปั๊มแห่งหนึ่งในเมือง Velmount โดยกู้มา 4000 กับมีเงินทุนตัวเองอีก 8000 รวมเป็น 12000 ดอลลาร์ เพื่อจ่ายค่าเช่าที่ ค่าอุปกรณ์ต่าง ๆในตอนแรกที่เปิด นอกจากไอศกรีม ก็มีซุปกับเครปขายคู่ด้วย แต่หลัง ๆ ยอดขายไม่ค่อยดีเลยเหลือแค่ไอศกรีม เพราะ Ben มีลิ้นรับรสที่ไม่ค่อยดี เจอรรี่จึงเป็นคนทำไอศกรีมและให้เบนปิดตาชิม เพื่อให้แน่ใจว่ามันเข้มข้นพอ เพราะจุดประสงค์หลักคือ ต้องการไอศกรีมที่เบนที่ลิ้นไม่ค่อยดีก็ยังบอกว่าอร่อย และของทุกอย่างต้องเต็มถ้วย จะมาให้เหลือ ๆ ไม่ได้ เพราะถ้าน้อยไปเบนจะไม่รู้รส
ต่อมา ในปี 1980 ยอดขายทรงตัวจากที่ปั๊ม จึงตัดสินใจทำไอศกรีมใส่ถ้วยไพนต์ หรือถ้วยที่เห็นตามร้านสะดวกซื้อนั่นเอง เพราะเขาคิดว่าต้องการให้ไอศกรีมของพวกเขานั้นกระจายไปหลาย ๆ ที่ ยอดขายเริ่มพุ่งขึ้นเรื่อย ๆ งานฉลองครบรอบ 1 ปีของร้านครั้งแรกก็แจกไอศกรีมฟรีให้ทุกคนทานกัน
ปี 1981 เริ่มมีแฟรนไชส์จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น มีแฟรนไชส์แห่งแรกที่เมือง Shelburne ในปี 1987 ยอดขายอยู่ที่ 32 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในสิ้นปี พ.ศ. 2531 โดยมีสาขามากถึง 18 รัฐ ต่อมาได้ขยายไปต่างประเทศในปี 1994 โดยไปที่อังกฤษ ไปในรูปแบบของถ้วยไพนต์เพื่อให้ขนส่งได้สะดวก
และจุดที่ทำให้ธุรกิจไอศกรีม Ben&Jerry’s ก้าวกระโดดที่สุดคงหนีไม่พ้นในปี 2000 ที่ Unilever บริษัทอาหารชั้นนำเข้าซื้อกิจการไปด้วยราคา 236 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแน่นอนว่า Unilever คิดถูก เพราะจากการเข้ามาดูแลทำให้ยอดขายทะยานขึ้นแทบจะทุกปี เช่นในปี 2020 ที่ผ่านมา จากการรายงานของเว็บไซต์ Statista เว็บไซต์สถิติชื่อดัง Ben&Jerry’s เป็นไอศกรีมยอดขายติด 1 ใน 3 ไอศกรีมที่ยอดขายมากที่สุดในสหรัฐ ด้วยยอดขายกว่า 863 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ เกือบ 2 หมื่นล้านห้าพันล้านบาท และมีพนักงานกว่า 600 คน กับขยายสาขาอีกกว่า 38 ประเทศทั่วโลก
จากไอศกรีมที่ถูกคิดค้นโดยเพื่อนคู่ซี้ ที่มีลิ้นรับรู้รสได้ยาก แต่ก็สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส รังสรรสุดยอดไอศกรีมของโลกได้ ฉะนั้น ไม่ว่าคุณจะเจออุปสรรคอะไร เราเชื่อว่า ทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก wikipedia, statista, thebalancesmb ด้วยครับ
