อาชีพขายผลไม้ ฟังดูแล้วอาจจะรายได้ไม่ดีเท่าพวกที่ขายอาหารชนิดอื่น เพราะผลไม้นั้นไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นต้องกิน ต่างจากอาหารและเครื่องดื่มที่เราขาดมันไม่ได้ แถมยังเน่าเสียง่าย มันจะสร้างรายได้หลักล้านได้จริง ๆ หรือ
แต่รู้หรือไม่ ว่าคุณคิดผิด เพราะตลาดผลไม้นั้นกำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เพราะสถานการณ์ปัจจุบัน คนจึงหันมาสนใจสุขภาพกันมากขึ้น อาหารที่ไม่ดีต่อร่างกายถูกลดความสำคัญลงไป จะเห็นได้จากการเติบโตของยอดขายผลไม้ที่เพิ่มขึ้นปีละ 4.6 % อ้างอิงจากเว็บไซต์สถิติอย่าง statista
โดยสาเหตุสำคัญที่ธุรกิจผลไม้นั้นเป็นหนึ่งในทางออกที่น่าสนใจ เนื่องจาก ผลไม้สามารถขายได้หลายแบบ ทั้งรถเข็น ตั้งร้าน Food Truck นอกจากนั้น ยังขยายเมนูได้หลากหลาย เครื่องดื่ม ผลไม้สด ผลไม้ดอง แช่บ๊วย หรือตำผลไม้ อีกอย่าง เราซื้อแล้วขายได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาปรุงวัตถุดิบ
ที่สำคัญคือ การขายผลไม้สามารถสร้างกำไรได้ง่าย เพราะปกติ ผลไม้จะขายเป็นลูก แต่เวลาพ่อค้าแม่ค้าซื้อมาก็จะซื้อมาเป็นกิโล เช่น ฝรั่ง 1 กิโล 30 บาท ได้ประมาณ 3-4 ลูก แต่เวลาขาย ส่วนใหญ่ก็จะขายลูกละ 15-20 บาท เท่ากับว่า ลงทุนไป 30 บาท ถ้าขายหมด จะได้มา 60- 80 บาท กำไรถึง 15-50 บาทเลยทีเดียว
และจะขายได้ดีถ้าทำเป็นผลไม้ที่แบ่งขายเป็นซีกหรือชิ้น เช่น แตงโม มะละกอ ปกติหนึ่งลูก ราคาจะ 30 -40 บาทโดยประมาณ ถ้าแบ่งขายจะได้ประมาณ 6 ชิ้น ชิ้นละ 10-15 บาท เท่ากับว่า จะได้กำไรตกลูกหนึ่ง 30-50 บาทเลยทีเดียว และในตู้ขายตู้หนึ่งมีผลไม้หลายสิบลูกเลยทีเดียว นอกจากนั้น หากซื้อจำนวนมากก็ยังมีโอกาสได้ส่วนลดจากเจ้าที่เราไปรับมาอีกด้ย
ซึ่งหากคุณเริ่มขายผลไม้แบบรถเข็น อาจจะได้กำไรประมาณ 300-500 บาทต่อวัน ถ้าหากขายผลไม้แบบตั้งร้านในตลาด อาจจะได้กำไรประมาณ 600- 1000 บาทต่อวัน แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นกับทำเลและสภาพเศรษฐกิจในขณะนั้นด้วย
แต่ถ้าหากคุณก่อตั้งแฟรนไชส์ อาจสร้างรายได้ถึงหลักแสน หรือหลักล้านบาท ซึ่งตอนนี้ก็มี SME หลายเจ้าที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับแฟรนไชส์ผลไม้ เช่น น้องหรั่ง ผลไม้ไทยที่ขายแบบ Food Truck, แฟรนไชส์ไอยราพรีเมียมฟรุ๊ต และ ผลสุวรรณ ผลไม้รถเข็นที่สร้างรายได้ถึงหลักล้าน ที่น่าสนใจคือ ทุกเจ้านั้นสนับสนุนการจ้างแรงงานคนเพื่อสร้างรายได้ เป็นการช่วยลดการตกงานได้อีกทางหนึ่ง
น่าสนใจที่ผลไม้นั้น แม้จะเจอสถานการณ์ Lockdown แต่การส่งออกและนำเข้าผลไม้ก็ยังไม่ลดลง โดยจากการรายงานของกระทรวงพาณิชย์ พบว่า ในส่วนของผลไม้ มีการส่งออกที่สูงขึ้นมากถึง 42% โดยวัดจากเดือนมกราคม ถึงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก และไม่ใช่แค่ผลไม้สดเท่านั้น ผลไม้แปรรูปเองก็เติบโตได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน เช่น ทุเรียน มะพร้าว ลำไย ฯลฯ สิ่งนี้ทำให้เราเห็นได้ชัดว่า ผู้คนกำลังเริ่มสนใจผลไม้ชูโรงของไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับ
และนี่เข้าไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นไตรมาสสุดท้ายของปีแล้ว จึงเป็นที่น่าจับตามองว่า ธุรกิจผลไม้นั้นจะเติบโตขึ้นได้อีกไกลอีกแค่ไหน หากผลประกอบการยังคงทรงตัวแบบนี้ ไม่แน่ว่าอาจได้เห็นแฟรนไชส์ผลไม้ที่เปิดตัวอีกมากขึ้นในอนาคตก็เป็นได้
