มารู้จักกับคุณเอส ณัธภัทรษ์ หนุ่มสุดเจ๋งที่แม้แต่สลัมก็ไม่อาจบดบังความเก่งกาจของเขาได้กัน !
เมื่อ 10 ปีที่แล้วตอนเรียนจบใหม่ ๆ งานแรกคืองานอะไร
เริ่มเล่นเกมหาเงินเองตั้งแต่อายุ 13 จนถึงอายุ 26 ปีแบบจริงจัง ทั้งขายไอเทม ขายไอดี เป็นพ่อค้าคนกลางอย่างเกมสุดฮิตในตำนานอย่างแรคนารอค เงินที่ได้จากการเล่นเกมกลับมากกว่าเงินเดือนของคนทำงานทั้งเดือนเสียอีก
จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตคืออะไร
คุณพ่อเข้าโรงพยาบาลและมีค่าใช้จ่ายกว่า 5 หมื่นบาท แต่ตัวเรากลับไม่มีอะไรที่ช่วยเหลือทางบ้านได้เลยตอนนั้น ยิ่งไปกว่านั้น คุณแม่ก็เคยมาขอเงินเพื่อซื้อก๊วยเตี๋ยวให้หลาน แต่คุณเอสก็ไม่ได้ให้ เพราะ เงินในตอนนั้นของเขาทั้งเนื้อทั้งตัวคือศูนย์ จนได้เข้าร่วมสัมมนาต่างชาติจนเห็นโอกาสในธุรกิจในการขายบัตรสัมมนาซึ่งได้ค่าคอมมิชชั่นสูงถึง 20 % จึงได้ลองฝึกทักษะการขายของตัวเอง เริ่มฝึกพูด ขึ้นเวที โดยเริ่มจากคลาสเล็ก ๆ ก่อนเพื่อเก็บประสบการณ์
จากอาชีพเล่นเกม กลายเป็นวิทยากรได้ไง
งานสัมมนาต่างชาติที่เราเคยเข้าร่วมที่ไทยได้เปิดขายคลาสต่อราคาขั้นลึกในราคาสองแสนห้าหมื่นบาท รวมหูฟังแปลภาษาห้าหมื่นบาทเป็นสามแสน แต่เงินไม่พอ เราเลยใช้วิธีผ่อนและเก็บเงินจากการเล่นเกมกว่าหกเดือนจนได้บินไปเรียนที่สิงคโปร์ แต่ก็ยังไม่ค่อยประสบความสำเร็จนัก จึงได้เข้าทำงานเป็นพนักงานประจำในบริษัทแห่งหนึ่งเพื่อเก็บประสบการณ์ จนกระทั่งมีคนชวนให้ไปขายบัตรสัมมนาพร้อมขึ้นสอนเล็ก ๆ น้อย ๆ
คอร์สมนุษย์เงินล้านเกิดขึ้นได้ยังไง
เราโตมาจากสลัมที่เป็นถิ่นเสื่อมโทรม 6 ใน 10 ของเพื่อนไม่ตายก็ติดคุก ที่เราออกมาได้เพราะมีการศึกษา หรือสติปัญญาสำคัญ เราจึงอยากเพิ่มสติปัญญาให้กับคนจึงอยากจะให้คน mindset แข็งแรง และไม่อยากถูกเรียกว่า teacher แต่อยากให้เรียนว่า trainer มากกว่า เพราะเขามาเพื่อนำพาผู้คนให้มีแนวทางในการดำเนินชีวิตผ่านสิ่งที่เรียกว่า ‘สติปัญญา’ นั้นเอง
จริง ๆ จุดอ่อนของคนก็มีแค่ 3 จุดหลัก ๆ คือ
1. การขาย = การนำเสนอ ต้องรู้จักขายตัวเองให้เป็น
2. รู้จุดแข็งของตนเอง = คนส่วนใหญ่โลเล ไม่กล้าฟันธงให้ตัวเองว่าเราเก่งอะไร
3. บริหารจัดการความสุขและการเงินของตนเอง = การมีเงินจะทำให้เรามี power และพอมี power จะทำให้เรานั้นสามารถเลือกอะไรได้มากขึ้น แต่ถ้าไม่มีเงินก็จะมีตัวเลือกน้อยลง พอตัวเลือกน้อยลงก็จะส่งผลต่อหลาย ๆ อย่างในชีวิต
นอกจากกำไร ได้อะไรจากอาชีพนี้บ้าง
แววตาของผู้ฟังเปลี่ยนไป เหมือนเราได้รับอาหารทางใจจากแววตาที่เปลี่ยนไปของผู้ฟังสัมมนา และคำขอบคุณ ทำให้เกิดการเปลี่ยนในแปลงในผู้เข้ารับฟัง
หากนั่งไทม์แมชชีนไปอีก 10 ปีครั้งหน้า จะบอกอะไรกับตัวเอง
อยากจะขอบคุณตัวเองที่รักษา vision และ mission ได้และอยากกอดตัวเองสักครั้ง
อยากฝากอะไรถึงคนดูไหม
ถ้าไม่มีนิสัยการอดออม เก็บเงินเหมือนเรามีนิสัยคนรวย ขอให้ทุกคนท่องไว้เสมอว่า…หาเงินให้เก่ง เก็บเงินให้เป็น และ ลงทุนให้งอกเงย เพราะทุกอย่างนั้นเชื่อมกันหมด