เปิดเคล็ดลับ !! Chocolate Ville บริหารอย่างไรให้ปัง : วิน สิงห์พัฒนกุล

เปิดเคล็ดลับ !! Chocolate Ville บริหารอย่างไรให้ปัง : วิน สิงห์พัฒนกุล

วิน สิงห์พัฒนกุล เจ้าของร้าน Chocolate Ville
กรรมกรเเห่งร้าน Chocolate Ville เพราะกรรมกร ทำทุกอย่าง และเหนื่อยเท่าพนักงานทุกคนในร้าน

10 ปีที่แล้วทำอะไรอยู่
ได้มีโอกาสไปเรียนเมืองนอก และเมืองนอกก็ต้องทำอาหารกินเอง เเล้วก็รู้สึกว่าชอบทำอาหาร หลังจากกลับมาเมืองไทยก็ได้มีโอกาสไปช่วยคุณพ่อที่ร้าน ร้านที่ขายให้แก่ฝรั่ง และได้เจอเชฟที่เขาจ้าง และเชคก็ทำหนึ่งอย่างที่ได้ตั้งข้อสงสัย คือเอาสเต็กลงไปทอด เกิดความคิดว่า “มันไม่ใช่มั้ง” นำไปสู่การเรียนทำอาหารต่อที่ Le cordon bleu 1 ปีและที่อยากทำร้านอาหารเพราะว่าได้ทำสิ่งที่ชอบ เหมือนการทำอาหารอยู่ใน DNA เเล้วที่เปิด Wine I love you มาก็ Success ด้วย มีความมั่นใจว่าเราก็ทำได้

แรงบันดาลใจในการทำธุรกิจ
แรงบันดาลใจในการทำ Theme ยุโรปมาจาก Case Study ที่เมืองไทย บ้านน้ำเคียงดิน คือ Case Study เขาอายุเยอะกว่า 10-20 กว่าปี ร้านบ้านน้ำเคียงดินอยู่พุทธมณฑล ด้วยความที่อยู่ไกลแต่ลูกค้าเต็มร้านตลอด เลยมีชุดความคิดที่ว่า “แล้วทำไมฝั่งนี้ไม่มีร้านที่สเกลใหญ่ขนาดนั้น แล้วทำไมไม่มีใครทำ แล้วถ้าเราทำเราก็ต้อง Success“

ช่วงที่มีปัญหาที่สุดในการทำธุรกิจ
Covid-19 2 ปีครึ่ง ลำบากมาก เพราะไม่มี income เรามีพนักงาน 200 กว่าคนที่เรายังต้องดูแลอยู่เท่าที่เราดูเเลได้ ซึ่งมีช่วงที่เปิดได้ สั่งของเข้ามาเยอะมาก เพราะมั่นใจ มันคือ Cover confident กับเรื่องโรคโควิด เพราะเราคิดว่ามันกระจอก เราเปิดได้เเค่อาทิตย์เดียว รัฐบาลก็สั่งปิด เเละหลังจากนั้นก็ปิดยาวเกือบปี ของในสต๊อกเสียหมด ภาระดอกเบี้ยยังมีอยู่ เป็นช่วงที่ลำบากที่สุดตั้งเเต่ทำธุรกิจมา

ผ่านช่วงนั้นมาได้ยังไง
ทำเดริเวอรี่เป็นการเเก้ปัญหาเฉพาะหน้า ที่ไม่ได้เงินเยอะเท่าการเปิดร้านจริงๆ เพียงเเค่ทำเพื่อให้มีอะไรทำ ทำให้เรียนรู้เกี่ยวกับ Social Media ซึ่งมองว่าเป็นผลพลอยได้มากกว่า ในช่วงโควิด ได้เรียนรู้ในช่องทาง Social Media เยอะเเยะมากมาย Digital Marketing มากมาย ซึ่งก่อนหน้าเป็นคนไม่เล่นเเละไม่มีความเข้าใจว่ามันสำคัญยังไงกับชีวิต เพราะว่าธุรกิจมันเดินได้อยู่เเล้วด้วยตัวมันเอง โควิดมันสอนให้เรารู้ว่า เเม้มันจะยากลำบาก เเต่ก็ยังมีโอกาส เเม้โอกาสนั้นจะไม่ใช่เป็นตัวเงินในวันนั้น เเต่มันจะได้ใช้ประโยชน์ในวันที่มีโอกาส ทีนี้เลยรู้ว่า Social Media มีประโยชน์ยังไง ทุกวิกฤตมีโอกาสจริงๆ เราเเค่ต้องลงมือทำ เราก็จะมีโอกาสมากกว่าคนที่ไม่ได้ทำ

ถ้าสามารถย้อนเวลากลับไป 10 ปีที่เเล้วได้ อยากเเก้ไขอะไร
10 ปีที่เเล้วยังสร้างได้ไม่สวยเท่าวันนี้ อยากมีความรู้ เป็นไปได้จริงๆก็อยากทำให้พื้นที่เซอร์วิสด้านหลังที่เราไม่เห็นให้ดีกว่านี้ เพราะวันเเรกที่เราเปิดเราไม่รู้ว่ามันคืออะไร มันต้องปริมาณขนาดไหน ก็ดัดเเปลงมาตลอด ถ้าเกิดทำได้ใหม่เราจะเก่งกว่านี้มากๆ เราจะเก่งเรื่องของการทำเซอร์วิสด้านหลังให้ดีกว่านี้ การทำบริการก็จะเร็วกว่านี้ วางระบบก็จะดีกว่านี้ พอผ่านมา 10 ปีเเล้ว หลายเรื่องเราก็ไปเเก้ไขไม่ได้เเล้ว เรื่องการก่อสร้าง

ทำไม่ต้องเป็นร้าน Chocolate Ville
ที่ลูกค้าต้องมา Chocolate Ville เป็นเพราะสวย เรื่องของสถาปัตยกรรม มองว่าไม่มีใครทำเเล้ว ลงทุนขนาดนี้ในสเกลนี้ ก็ถือว่าอยู่นอกเมืองหน่อย เเต่ก็ไม่ได้ไกลมาก ทางด่วนมาถึง สิ่งสำคัญที่สุดของเราก็คือ มีการพัฒนาตกเเต่งตลอดเวลา ถ้าเกิดมาก็จะเห็นว่ามีการทาสีใหม่ มีการตกเเต่งใหม่ ทุกเทศกาลตั้งใจทำให้เป็นพื้นที่ของความสุข มองว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้ากลับมา การตกเเต่งสถานที่ก็ไม่ใช่คำตอบเดียว คนที่มาครั้งเดียวอาจจะไม่มาอีกก็ได้ เพราะเเค่มาถ่ายรูป สิ่งสำคัญคือโปรดักส์ต้องดีด้วย นอกเหนือจากคำว่าสถานที่สวยงาม นั่นก็คืออาหารของเรา ซึ่งลูกค้าทุกวันนี้ในวันธรรมดาที่มา ก็เป็นลูกค้าที่เคยมาอยู่แล้ว ที่มาทานข้าวจริงๆ ถ่าเกอดร้านเเก่งนี้มีเเต่ความสวยงาม ก็คงจะอยู่ถึง 10 ปี

ความภูมิใจของร้าน Chocolate Ville
ภูมิใจในบริบทของลูกค้า เพราะว่าเราเห็นลูกค้ามีความสุขทุกวัน ลูกค้ามา พาลูกมา พาพ่อแม่มา มาจากต่างจังหวัดไกลก็มา แล้วเห็นทุกคนได้เอนจอยกับสิ่งที่เราทำ เราก็มีกำลังใจในการผลิตคอนเทนท์ เริ่มมีพาเลท เริ่มมีมาสคอร์ตหมี เริ่มมีอะไรหลายๆอย่าง เลยมีความรู้สึกว่า เรื่องที่มันเป็น Expend ที่ Unnecessary มากๆ หลายๆอย่าง จะเห็นว่าสถานที่หลายๆอย่างนี้ ก็ไม่ได้ตั้งโต๊ะเต็มพิกัด มีเดินเล่นเยอะเเยะ ครึ่งหนึ่งของที่นี่ไม่มีที่นั่ง เป็นที่เดินเล่น มองว่านี่คือความสุขส่วนตัวมากกว่า หรือครอบครัว