จากเด็กประถมที่เห็นความทุกข์ของคนไร้บ้าน สู่การเติบโตเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ผู้อยากทำธุรกิจเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม มารู้จักกับคุณธาม สมุทรานนท์ ผ่านมุมมองแบบ Time Machine กันครับ
10ปีที่แล้วเราเป็นยังไงบ้าง
จริงๆต้องเท้าความไป 20 ปีก่อนจะได้เห็นภาพตัวตนผมชัด ในวัยเด็กไม่เคยฝันว่าจะมาทำธุรกิจ เป็นเด็กที่หัวขบถ ดื้อมาก แต่ชอบอ่านหนังสือกับดูหนังมากเช่นกัน หนังสือทุกอย่างที่ไม่ใช่หนังสือเรียน ด้วยความที่ชอบดูหนัง ได้เห็นบ้านเมืองต่างประเทศผ่านจอ มาเทียบกับบ้านเมืองเรา สายไฟเต็มไปหมด ฟุตบาทพัง น้ำคลองเน่าเหม็น รู้สึกหงุดหงิดอึดอัด อยากเปลี่ยนอยากแก้ แต่ไม่รู้ทำไงดี เพราะเป็นเด็กคนหนึ่ง
เกลียดความเป็นเด็กพอควร เป็นคนมีไอเดียอยากทำโน่นนี่เยอะ แต่ทำไม่ได้เพราะอยู่ในร่างเด็กธรรมดาๆคนหนึ่ง ตอนเด็กจริงๆ ความฝันอยากเป็นนักประดิษฐ์อะไรใหม่ๆที่เปลี่ยนโลกได้ อินตอนอ่านประวัตินักวิทยาศาตร์โลกมากไปนิด แต่ดันลงเอยพอเข้ามหาลัยไปเรียนเศรษฐศาสตร์การเมือง เพราะพอเรียนมัธยม ครูวิทยาศาสตร์ดุ เลยไม่ค่อยชอบสายวิทย์ ด้วยความที่ชอบอ่านหนังสือหลายแนว และอ่านข่าวตลอด เลยหันไปสนใจสายสังคม ประวัติศาสตร์ การเมือง วัฒนธรรม แทน
จุดเริ่มต้นที่ทำให้อยากเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ผมเป็นเด็กที่ชอบคุยกับผู้ใหญ่มากกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน และป็นคนขี้เสือกพอควร ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ตอน ป.5 ป.6 ได้รู้จักคนขายขนมหน้าโรงเรียนกับแม่บ้านทำความสะอาดห้องเรียน สองคนนี้โดนพิษเศรษฐกิจทำให้เสียบ้านไป ซ้ำยังติดหนี้นอกระบบ ไม่มีเงินพอจ่ายค่าลูก ตอนนั้นก็สงสารมากแต่ก็อีกแหละเป็นเด็กอายุสิบขวบจะทำไรได้
พอเรียนมหาลัยตรีเรียนประวัติศาสตร์ โทเรียนเศรษฐศาสตร์การเมือง ยังไม่ทิ้งความอยากเป็นนักประดิษฐ์ แต่เปลี่ยนเป็น policy innovator ยังทำให้โลกดีขึ้นได้เหมือนกัน แต่คนละมิติ จบมาที่บ้านก็จับมือกับพาร์ตเนอร์ที่เก่งมากๆ เริ่มไปทำธุรกิจอสังหาบ้านจัดสรรที่สระบุรี เริ่มขยายไปเรื่อยๆ ตอนนี้บริษทก็มี 5 โครงการแล้ว ตอนแรกก็ไม่คิดจะมาช่วยเพราะไม่ถนัด จนได้ไปเรียนคอร์สอสังหาริมทรัพย์ก็เริ่มได้ความรู้ อยากท้าทายตัวเอง จากที่ตอนแรกอยากทำงานสายที่ปรึกษานโยบายเพราะเรียนมาด้านนี้ ก็เบนเข็มไปช่วยที่บ้าน จริงๆเรื่องตอนเด็กที่เจอคนโดนพิษเศรษฐกิจต้องเสียบ้าน เป็นหนี้ กระตุ้นตรงนี้ลึกๆด้วย มันทำให้อยากสร้างที่อยู่อาศัยราคาเหมาะสม คุณภาพดี ดีไซน์เด่น
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เจออุปสรรคอะไรที่ทำให้เราเรียนรู้ได้มากที่สุด
พอเข้ามาทำ ที่บ้านก็ให้ดูแลโครงการใหม่ ซึ่งตอนแรกตื่นเต้นมาก ดูท้าทายดี 94 units มูลค่า 200 ล้าน วาดฝันไว้เยอะ พอเริ่มทำเท่านั้นแหละ วางแผนโครงการเสร็จ ถมดินเสร็จ กำลังยื่นจัดสรรและยื่นกู้แบงค์ โควิดมา ถูกอย่างหยุดชะงัก ชีวิตรวนไปหมด ตอนแรกคิดเลยนะว่าไม่เอาแล้ว เราคงไม่มีโชคทางนี้ กะจะหันหลังไปหางานทำที่ถนัด แต่เพราะโควิดเลยไม่มีใครเปิดรับ ก็ต้องสู้ต่อ เป็นความรับผิดชอบด้วย ถ้าทิ้งไว้กลางคัน ที่ดินก็จะถูกแบงห์ยึด เราเป็นหมาจนตรอก สู้ตายเท่านั้น
ก็เลยปรับกลยุทธ์ใหม่หมด ฐานลูกค้ารายได้ลดลงเยอะกำลังซื้อหด เลยปรับผังแก้แบบจากบ้านเดี่ยวเป็นบ้านแฝดชั้นเดียว แต่ไม่ลดสเป็ก จุดขายคือคุณภาพ ราคา ความแตกต่าง สร้างจุดเด่นด้านดีไซน์ เป็นบ้านแฝดสไตล์บ้านเดี่ยว ทรงโมเดิร์น เพดานสูง กว้างขวาง ซึ่งคุ้มกับราคามาก ส่วนกบยุทธ์การตลาดก็ปรับชูเรื่องซื้อบ้านดีกว่าเช่าหอ จะได้มีที่อยู่ที่มีพื้นที่และสิ่งแวดล้อมรวมถึงความเป็นส่วนตัว เหมาะสมสำหรับคนเริ่มสร้างครอบครัว ในที่สุดก็ผ่านมาได้ดี โครงการเป็นรูปเป็นร่าง เตรียมที่ดินขยายเฟสต่อไป
เหตุการณ์นั้นทำให้ปัจจุบันเราเป็นยังไงบ้าง
กลายเป็นคนที่เรียนรู้ว่า ที่รอดมาได้ไม่ใช่เพราะเราเก่ง หรือมีความสามารถมากมาย แต่เป็นเพราะเรารู้จักฟังคนอื่น รับฟังและพัฒนา ไม่เอาอคติของตัวเองมาเกี่ยวข้อง เรื่องที่ผ่านมาทำให้เราเรียนรู้ว่าการที่เราเป็นนักการเมือง เราจะมองปัญหาด้วยอคติตัวเองไม่ได้ ต้องฟังคนในพื้นที่ รับฟังปัญหาแล้วแก้ไข ปรับนโยบายให้เหมาะกับคนในพื้นที่ที่สุด
เรียนจบสายการเมืองมาสนใจเรื่องการเมืองบ้างไหม
ไม่ได้สนใจการเมืองในเชิงชื่อเสียงหรืออำนาจ ว่าอยากได้ตำแหน่งโน่นนี่ แต่สนใจในเชิงสร้างนโยบายใหม่ๆ ตอบโจทย์สังคมและคนในวงกว้าง ตำแหน่งเป็นของไม่ยั่งยืน แต่นโยบายที่ดีอยู่คู่สังคมนานกว่า
ด้วยว่าเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ชอบดูหนังหลายแนว เลยปลูกฝังให้สนใจสังคมที่เราอยู่ ตอนวัยรุ่นหันมาสนใจด้านประวัติศาสตร์ด้านการเมืองมาก จบด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองมา แต่ก็ยังมีจิตวิญญาณนักประดิษฐ์ จากอยากคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์ กลับเป็นอยากคิดค้นนโยบายใหม่ๆที่ตอบโจทย์สังคมภาพรวม นวัตกรรมทางวิทยศาสตร์อาจทำให้ชีวิตคนสะดวกสบายขึ้น ส่วนนวัตกรรมทางนโยบายทำให้คนกินดีอยู่ดีมากขึ้น สังคมภาพรวมเสมอภาคกว่าเดิม จริงๆชอบศึกษานวัตกรรมนโยบายน่าสนใจต่างประเทศมากมาย เห็นว่า social enterprise สร้างความเปลี่ยนแปลงได้ดีมาก เช่น Grameen bank ของ Mohammad Yunnus
ถ้าได้เล่นการเมือง อยากให้มีนโยบายอะไรบ้าง
ด้วยความที่ทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ คิดว่าปัญหาสำคัญของประเทศคือเรื่องที่อยู่อาศัยและหนี้นอกระบบ ในมุมมองส่วนตัวแล้วรัฐบาลควรมีนโยบายด้าน 1 ให้ค่าดอกเบี้ยผ่านเช่าบ้าน เอาไปลดหย่อนภาษีได้ 2. ตั้งกองทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยขึ้น 3. สร้างโครงการดูแลโครงสร้างพื้นฐาน หมู่บ้านและคอนโดเก่า 4. ห้องเช่าและบ้านราคาถูกสำหรับเด็กจบใหม่ เช่า/ผ่อน 2000-3000 บาทต่อเดือน
เรามองภาพตัวเองในอีก10ปีข้างหน้าไว้ยังไงบ้าง
อยากเป็นส่นหนึ่งผลักดันให้ไทยเรามี social enterprise ที่เปลี่ยนแปลงสังคมได้เหมือน Grameen Bank ของ Mohammad Yunnus ครับ
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ: ธาม สมุทรานนท์
อายุ: 27 ปี
การศึกษา
-ปริญญาตรี ประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งลอนดอน (SOAS, University of London)
-ปริญญาโท เศรษฐศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศ, มหาวิทยาลัยคิงส์คอลเลจ, ลอนดอน (King’s College, London)
ประสบการณ์การทำงาน
-ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ภูริพราวด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด
-อดีตคณะทำงานกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ, ปั่นจักรยาน, ต่อยมวย, นั่งสมาธิ