Beats หูฟังเปลี่ยนชีวิต ! เคล็ดลับความสำเร็จของ Dr. Dre หนึ่งในศิลปินที่ร่ำรวยที่สุดในโลก

Beats หูฟังเปลี่ยนชีวิต ! เคล็ดลับความสำเร็จของ Dr. Dre หนึ่งในศิลปินที่ร่ำรวยที่สุดในโลก

Beats หูฟังเปลี่ยนชีวิต ! เคล็ดลับความสำเร็จของ Dr. Dre หนึ่งในศิลปินที่ร่ำรวยที่สุดในโลก

Dr. Dre หรือชื่อเต็มคือ Andre Romelle Young (อังเดร โรเมล ยัง) เป็นหนึ่งในศิลปินที่ร่ำรวยที่สุดในโลกโดยถือครองทรัพย์สินกว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือตีเป็นเงินไทยกว่า 25000 ล้านบาท

ในเส้นทางสายงานเพลงของเขาเรียกได้ว่าฮิตติดจรวด ด้วยการคว้ารางวัลแกรมมี่ อวาร์ด หนึ่งในรางวัลอันทรงคุณวุฒิที่มอบให้กับศิลปินผู้มีความสามารถโดดเด่นประจำปี จัดขึ้นที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งตัวเขานั้นคว้าไปได้ถึง 6 รางวัลด้วยกัน พร้อมการันตีด้วยเพลงฮิตติดอันดับ 1 ของบิลบอร์ดชาร์ตถึงสามเพลง และยอดขายอัลบั้มกว่า 15 ล้านเลยทีเดียว !

เขายังเดินทางมาสายการแสดงด้วยนะ ! เขาได้รับเชิญเป็นนักแสดงให้กับหนังที่มีชื่อเสียงมากมาย เช่น Training Day ที่ทำรายได้ไปถึง 104 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แถมละครที่เขามีส่วนช่วยกำกับอย่าง Straight Outta Compton ก็ทำรายได้ไปกว่าสองร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยกว่า 6500 ล้านบาท !

นอกจากงานด้านศิลปะและงานแสดงของเขาแล้ว เขายังมีธุรกิจอีกอย่างหนึ่งที่คุ้นหูกันดีในชื่อหูฟัง Beats ซึ่งทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจากการทำธุรกิจหูฟังรุ่น Beats ที่ครอบคลุมถึง 70 เปอร์เซ็นของตลาดหูฟังเลยทีเดียว

จุดเริ่มต้นในการทำหูฟัง Beats ของเขานั้นเกิดจากการที่ ด้วยความที่ Dr. Dre มีความ Perfectionist ในการทำผลงานค่อนข้างสูง โดยเขาถือคติที่ว่าอยากให้คนได้ยินเสียงแบบเดียวกับที่เขาได้ยินในห้องอัด แต่ในช่วงนั้น หูฟังแต่ละยี่ห้อที่ออกมานั้นไม่ได้ดั่งใจเขา ทั้งเรื่องคุณภาพและลักษณะออกแบบ ซึ่งส่งผลให้เพลงของเขานั้นคุณภาพแย่กว่าในห้องอัด เขาจึงตัดสินใจจับมือกับเพื่อนชื่อ Jimmy Lovine ทำหูฟังเองซะเลย !

ธุรกิจหูฟังของเขาประสบความสำเร็จมากจนทาง Apple ต้องขอซื้อไปในราคากว่า 3000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นการทำธุรกิจครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของ Apple ทำให้ตัวเขาขึ้นแท่นกลายเป็นหนึ่งในศิลปินที่ร่ำรวยที่สุดในโลกทันที!

สิ่งที่ทำให้เจ้าหูฟัง Beats โดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางหูฟังหลากหลายร้อยแบรนด์คือ การสร้างความแตกต่างของกลุ่มเป้าหมาย ปกติหูฟังจะทำให้เข้าถึงคนทั่วไป แต่ Dre เน้นกลุ่มเป้าหมายที่อาศัยในเมืองเป็นหลัก โดยการทำให้คุณภาพเสียงดีขึ้นเพื่อกลบเสียงรบกวนต่าง ๆ

แต่ Dre ไม่หยุดแค่นั้น เขาทำการขยายกลุ่มเป้าหมายรวมถึงสไตล์ของหูฟังที่สามารถโยงไปถึงกลุ่มคนที่ชื่นชอบแฟชั่นเป็นหลักด้วย เพราะสไตล์หูฟังของ Beats นั้นมีหลากหลาย ไม่ได้มีเพียงแค่หูฟังสายสไตล์เดิม ๆ เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

การทำงานกับ Dr. Dre ที่ค่อนข้างมีคนจำนวนน้อย ทำให้สามารถคุยกันได้สะดวก ไม่ได้มีลำดับชั้นว่าใครเป็นหัวหน้าหรือลูกน้อง

ตัวเขายังเน้นความเป็น ‘ปัจเจก’ ของตนเอง กล่าวคือ ถ้าตัวเองใช้แล้วรู้สึกอย่างไร ลูกค้าก็จะรู้สึกแบบนั้น ดังนั้นหูฟังของเขาจึงทำให้เกิดความ ‘เข้าถึง’ ได้อย่างล้นหลาม

นอกจากนี้ Dre ยังได้สร้าง connection จากเพื่อนร่วมวงการหลากหลายที่ช่วยโปรโมทสินค้าโดยใช้หูฟังชุดนี้ ทั้ง Will i am ที่ใช้เพลงที่เขาทำร่วมกับ Britney Spears สาวน้อยมหัศจรรย์สร้างโฆษณาหูฟัง Beats หรือการดึงตัว Kendrick Lamar มาร้องเพลงที่ใช้ทำ ads เรียกได้ว่าเป็นศิลปินชั้นแนวหน้าของโลกเลยก็ว่าได้

อีกจุดแข็งของหูฟัง Beats คือการได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าสูงมาก ด้วยความที่ตัวคนสร้างเป็นศิลปิน ลูกค้าย่อมมองแล้วเชื่อในสินค้ามากกว่าอาชีพอื่น เพราะทำงานเกี่ยวกับเพลงโดยตรง ผนวกกับการที่เขานั้นมีเพลงฮิตที่ประสบความสำเร็จ ยิ่งสร้างความน่าเชื่อถือแก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งสิ่งนี้เองที่สร้าง Brand Loyalty ขนาดใหญ่ ทำให้ลูกค้าเกิดความจงรักภักดีต่อผลิตภัณฑ์ ต้องกลับมาซื้อซ้ำอีก และยังไม่ต้องกังวลว่าสินค้าจะขายไม่ได้ เพราะมีฐานลูกค้าที่เชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์รองรับไว้แล้ว

หากพูดถึงเรื่องราคา หูฟัง Beats อาจจะเป็นหูฟังที่แพงในสายตาของคนทั่วไป แต่ด้วยคุณภาพที่ดึงให้ผู้ฟังได้รับเสียงที่ราวกับอยู่ในสตูดิโอ และดีไซน์การออกแบบที่แปลกใหม่ รวมถึงการปรับแก้ไขและพัฒนาตัวเองของสินค้า ผนวกกับความไม่ยอมแพ้และการขวนขวายหาความรู้ จึงทำให้ Dr. Dre สามารถทำให้หูฟัง Beats กลายเป็นหนึ่งในหูฟังที่ขายดีที่สุดในโลกดังที่เห็นกันในปัจจุบัน

References :
https://www.headspacegroup.co.uk/from-high-school-drop…/
https://www.pastemagazine.com/…/designer-of-beats-by…/
https://brandmarketingblog.com/…/lifestyle-brand-case…/
https://www.inc.com/audacious-companies/burt-helm/beats.html
https://www.quora.com/What-kind-of-sound-engineering…