KFC หรือแบรนด์ไก่ทอดที่ทุกท่านรู้จักกันดีนั้น เป็นแบรนด์ที่มีแฟรนไชส์อาหารมากที่สุดในโลกแบรนด์หนึ่ง เน้นจำหน่ายไก่ทอด นักเก๊ต (สะกดแบบนี้ถูกยัง ฝากเช็คด้วย) และผลิตภัณฑ์จากไก่อีกมากมาย จนสามารถทำรายได้ได้สูงถึง 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2020 มีจำนวนสาขามากถึง 826 สาขาในประเทศไทย และอีกกว่า 22621 สาขาใน 150 ประเทศทั่วโลก
แต่รู้หรือไม่ว่ามีประเทศหลัก ๆ ที่ KFC นั้นไม่สามารถเจาะเข้าไปยังตลาดอาหารได้อยู่ แม้จะได้มีการพยายามเจาะเข้าไปถึงสี่ครั้งด้วยกัน นั่นก็คือ..ประเทศอิสราเอล
ในปี 1980 ทาง KFC ได้มีการริเริ่มขยายสาขาไปทั่วโลก และได้รับผลตอบรับน่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งพวกเขาคิดว่าการเปิดสาขาในอิสราเอลน่าจะเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์กลับไม่ใช่ เพราะคนอิสราเอลส่วนใหญ่เป็นชาวยิวที่มีกฏจำกัดห้ามทานผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของนม ครีม ซึ่งเป็นส่วนผสมหลักของ KFC
ทาง KFC มีทางเลือกสองทาง ถ้าเปลี่ยนสูตรใหม่โดยใช้แป้งถั่วเหลืองมาแทนจะทำให้รสชาติดั้งเดิมของ KFC เพี้ยนไป หรือถ้าทำตามสูตรปกติก็จะได้ลูกค้าที่น้อยลง ผลสุดท้ายทาง KFC ไม่สามารถปรับได้ตามความต้องการ จึงทำให้ต้องปิดตัวไป
ในปี 1993 KFC ได้มีการกลับมาเปิดใหม่ครั้งที่สองโดยได้ผู้บริหารแฟรนไชส์พิซซ่าฮัทในอิสราเอลมาเป็นหัวหลักในการดำเนินกิจการ แต่สุดท้ายก็ต้องขายสิทธิแฟรนไชส์ให้กับ Dor Energy บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของอิสราเอลแทนไป
ในปี 2003 ทาง Dor Alone Energy ก็ได้เปิด KFC ขึ้นอีกครั้งเป็นครั้งที่สาม และได้ขายไก่ตามสูตรดั้งเดิมซึ่งได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ต่อมาในปี 2009 มีการขยายสาขาไปมากถึง 10 สาขาและลองเปลี่ยนสูตรมาเป็นสูตรที่ใช้แป้งถั่วเหลือง ทำให้ยอดขายกลับตกอย่างที่ไม่เคยเป็น ส่งผลให้ในสามปีต่อมาก็ต้องปิดกิจการลงทั้งหมด
การมีประสบการณ์การเจาะตลาดอิสราเอลถึงสามครั้งก็ทำให้ KFC ทำการปรับลักษณะการขาย โดยตัดสินใจใช้สูตรเดิมขาย และจะกลับไปเปิดอีกครั้งในปี 2020 เพื่อให้คนอิสราเอลนั้นคิดถึงไก่ KFC
และ KFC ก็คิดถูก เพราะเมื่อคนเราไม่ได้กินอะไรนาน ๆ ย่อมต้องมีความอยากมากกว่าปกติ ทำให้การบุกตลาดในครั้งที่สี่โดยการเปิดสาขาแรกขึ้นที่เมืองนาซาเรท ได้รับผลตอบรับที่น่าพอใจแล้ว อนาคตของ KFC ในอิสราเอล ดินแดนที่ KFC พยายามเข้าไปตีตลาดไม่เคยสำเร็จอาจจะสมหวังในครั้งนี้ก็เป็นได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : globalfranchisemagazine, bettermarketing, timesofisrael, globes, wikipedia ด้วยครับ