วันนี้ Time Machine จะมาเล่าถึงเด็กผู้มีอาการดาวน์คนหนึ่งที่เป็นเจ้าของธุรกิจมูลค่าหลักร้อยล้าน กับ John Lee Cronin แม้ว่าคุณอาจจะคิดว่า เด็กดาวน์เป็นเจ้าของธุรกิจจะเป็นยังไง หากคุณกำลังคิดแบบนี้อยู่ คุณกำลังคิดผิด เขาทำได้ยังไง ทั้งที่ไม่มีพื้นฐานทางธุรกิจมาก่อน เรามาตามไปดูกันเลยดีกว่าครับ
ช่วงฤดูใบไม้ร่วงหลังเรียนจบ ด้วยความที่เขาเป็นเด็กดาวน์ อาชีพที่เขาทำได้หลังเรียนจบนั้นมีไม่มากนัก หากไม่เป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อก็ต้องวิ่งเข้าแถวต่อคิวบริษัทหางาน ซึ่งเจ้าของบริษัทก็ย่อมเลือกคนที่มีความปกติมากกว่าเขา
จนท้ายที่สุด จอห์นจึงเลือกที่จะหันหน้าเข้าสู่เส้นทางสายธุรกิจกับคนที่เขารัก นั่นก็คือพ่อของเขา เขายอมอยู่กับพ่อดีกว่าต้องไปทำงานกับนายจ้างพวกนั้นเป็นไหน ๆ ตอนแรก พวกเขาเล็งการทำธุรกิจ food truck ไว้ แต่เพราะสองคนพ่อลูกไม่มีทักษะด้านการทำอาหาร จึงทำให้ต้องมานั่งคิดกันว่าจะทำธุรกิจอะไรดี
“ผมอยากทำธุรกิจที่ส่งความสุขให้กับทุกคน” จอห์นพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และคำพูดนี้เองทำให้ธุรกิจถุงเท้าอย่าง John’s crazy socks ได้ถือกำเนิดขึ้น ร่วมกันกับพ่อที่มักจะเล่าเรื่องตลก ๆ ให้เขาฟังเสมอ
จอห์นนั้นเป็นคนรักถุงเท้ามาก เพราะเขาใส่ถุงเท้าหลากหลายร้อยรูปแบบมาตลอดทั้งชีวิต ทั้งใส่อยู่บ้านและใส่ไปโรงเรียนเสมอ ๆ คนจะสังเกตจอห์นได้จากถุงเท้าลายตลก ๆ ที่พวกเขามักสวมเป็นประจำใช้เวลาคุยกันไม่นาน เขาก็เริ่มสร้างเว็บไซต์สำหรับการทำธุรกิจกันเองเลย โดยที่ไม่ได้วางแผนธุรกิจหรือหาคู่ค้าในตลาดแบบที่ธุรกิจอื่นเขาทำกัน เพราะจุดประสงค์ของสองคนพ่อลูกคือ การสร้างความสุขให้ผู้ที่ได้รับสินค้าเท่านั้น
พวกเขาออกไปซื้อถุงเท้าจากร้านสะดวกซื้อมาตุนไว้จำนวนหนึ่ง และเริ่มโพสต์ขาย และในที่สุดก็มีลูกค้าในละแวกใกล้เคียงสนใจ ทางคุณพ่อของจอห์นเลยให้เขาเอาไปส่งเองเสียเลย ซึ่งพอลูกค้าเห็นก็รู้สึกประทับใจ ทั้งในแง่ของสินค้าและเจ้าของแบรนด์ จนเกิดวิดีโอไวรัลขึ้นมาถึงแบรนด์ John’s crazy socks และในที่สุด ผู้คนก็รู้จักเขาในฐานะเจ้าหนุ่มขายถุงเท้าล่าฝัน ซึ่งในตอนแรก ๆ ถุงเท้าที่เขาสต็อกไว้ในคลังมีประมาณ 31 แบบ โดยมีราคาตั้งแต่ 5 เหรียญไปจนถึง 12 เหรียญในแต่ละคู่ แต่หลังจากวิดีโอเริ่มแพร่กระจายไปทั่วอินเทอร์เน็ต ภายในเดือนแรก เขาก็ได้รับยอดสั่งซื้อมากกว่า 452 รายการ และทำรายได้ไปกว่าสี่แสนบาทภายในเดือนเดียว
พอลูกค้ามากเข้า ในกรณีที่จอห์นไปส่งเองไม่ได้ เขาก็จะบรรจุถุงเท้าลงในกล่องที่มีลูกกวาดกับโน้ตที่จอห์นเขียนเองไว้ โดยบางกล่องมีการติดแม้กระทั่งชื่อกับรูปคนสั่งเสียด้วยซ้ำ และแน่นอนว่าบางครั้ง ของในนั้นก็มีการปรับเปลี่ยนไปในให้เข้ากับผู้รับ เช่น บางคนที่สั่งถุงเท้าระบุว่าตนเองเป็นเบาหวาน เขาก็ได้ให้พนักงานส่งลูกอมปราศจากน้ำตาลไปแทนลูกอมปกติ
ความใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ บวกกับความไวรัลของวิดีโอที่แพร่กระจายไปทั่วอินเทอร์เน็ต ทำให้กระแสของถุงเท้า John’s crazy socks ดังขึ้นอย่างรวดเร็ว ในปัจจุบัน บริษัทของเขานั้นมีถุงเท้ามากกว่า 2000 แบบให้เลือกสรร โดยมี supplier คอยสนับสนุนสินค้าของเขามากกว่า 20 เจ้าทั่วประเทศ และสร้างรายได้ให้เขา ซึ่งเพียงปีแรกก็ทำรายได้ให้เขากว่า 1.7 ล้านเหรียญ และปีต่อมาอีกกว่า 5.5 ล้านเหรียญ หรือเพิ่มขึ้นกว่า 300 %
ยังไม่จบเพียงแค่นั้น พ่อของจอห์นนั้นทำการคัดเลือกพนักงานด้วยตนเอง โดยเน้นไปที่คนพิการ หรือไม่ก็คนที่มีอาการแบบจอห์นเสียส่วนใหญ่ ตำแหน่งในบริษัทกว่าครึ่งยกให้กับกลุ่มคนเหล่านี้ เพื่อสนับสนุนการสร้างแรงงานให้กับกลุ่มคนที่ไม่ครบ 32 ให้พวกเขารู้สึกตนเองมีคุณค่าในสังคม
ผลตอบรับของแบรนด์ John’s crazy socks ก็เรียกได้ว่าดีทีเดียว นอกจากด้านรายได้ ทางแบรนด์ยังได้บริจาคเงินให้กับองค์กรการกุศลมากมาย และรีวิวที่ออกมาส่วนใหญ่กว่าลูกค้าแสนกว่าคน 96% นั้นให้คะแนนเต็ม 5 กับการบริการและคุณภาพสินค้าที่ได้รับ เชื่อหรือไม่ว่ามันเติบโตได้เร็วกว่าบริษัทบางแห่งที่คนปกติเป็นเจ้าของเสียอีก
ขอขอบคุณข้อมูลจากเว็บ : cnbc, abilitymagazine, tbrnewsmedia, johnscrazysocks ด้วยครับ